คู่มือผู้ใช้ iPad
- ยินดีต้อนรับ
-
- รุ่นที่รองรับ
- iPad mini (รุ่นที่ 5)
- iPad mini (รุ่นที่ 6)
- iPad (รุ่นที่ 5)
- iPad (รุ่นที่ 6)
- iPad (รุ่นที่ 7)
- iPad (รุ่นที่ 8)
- iPad (รุ่นที่ 9)
- iPad (รุ่นที่ 10)
- iPad Air (รุ่นที่ 3)
- iPad Air (รุ่นที่ 4)
- iPad Air (รุ่นที่ 5)
- iPad Pro 9.7 นิ้ว
- iPad Pro 10.5 นิ้ว
- iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1)
- iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 2)
- iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3)
- iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 4)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 1)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 2)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 4)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 6)
- มีอะไรใหม่ใน iPadOS 16
-
-
- ตั้งค่า FaceTime
- สร้างลิงก์ FaceTime
- โทรออกและรับสาย
- ถ่าย Live Photos
- เปิดใช้คำบรรยายเสียงสดในสายโทร FaceTime
- ใช้แอปอื่นระหว่างโทรศัพท์
- โทร FaceTime แบบกลุ่ม
- ดูผู้เข้าร่วมในรูปแบบตาราง
- ใช้ SharePlay เพื่อดู ฟัง และเล่นด้วยกัน
- แชร์หน้าจอของคุณ
- ส่งต่อจากสายโทร FaceTime ไปยังอุปกรณ์อีกเครื่องหนึ่ง
- เปลี่ยนการตั้งค่าวิดีโอ
- เปลี่ยนการตั้งค่าเสียง
- เพิ่มเอฟเฟ็กต์กล้อง
- ออกจากการโทรหรือสลับไปใช้แอปข้อความ
- ปิดกั้นผู้โทรที่ไม่ต้องการ
-
- ดูแผนที่
-
- ค้นหาสถานที่
- ค้นหาสถานที่น่าสนใจ ร้านอาหาร และบริการที่อยู่ใกล้เคียง
- รับข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่
- ทำเครื่องหมายสถานที่
- แชร์สถานที่
- จัดอันดับสถานที่
- บันทึกสถานที่โปรด
- สำรวจสถานที่ใหม่ๆ ด้วยสถานที่น่าสนใจ
- จัดระเบียบสถานที่ในสถานที่น่าสนใจของฉัน
- รับข้อมูลจราจรและข้อมูลสภาพอากาศ
- ลบตำแหน่งที่ตั้งสำคัญ
- ค้นหาการตั้งค่าแผนที่ของคุณ
-
- ตั้งค่าแอปข้อความ
- ส่งและตอบกลับข้อความ
- เลิกส่งและแก้ไขข้อความ
- ติดตามข้อความและการสนทนา
- ส่งต่อและแชร์ข้อความ
- ตั้งค่าการสนทนาแบบกลุ่ม
- เพิ่มรูปภาพและวิดีโอ
- ส่งและรับเนื้อหา
- ดู ฟัง หรือเล่นด้วยกันโดยใช้ SharePlay
- ใช้งานโปรเจ็กต์ร่วมกัน
- ทำให้ข้อความเคลื่อนไหว
- ใช้แอป iMessage
- ใช้ Memoji
- ส่งเอฟเฟ็กต์ Digital Touch
- ส่งข้อความเสียงที่บันทึกไว้
- ส่งเงิน รับเงิน และขอเงินผ่าน Apple Cash
- เปลี่ยนการแจ้งเตือน
- ปิดกั้น ฟิลเตอร์ และแจ้งข้อความ
- ลบข้อความ
- กู้คืนข้อความที่ถูกลบ
-
- ดูรูปภาพและวิดีโอ
- เล่นวิดีโอและสไลด์โชว์
- ลบหรือซ่อนรูปภาพและวิดีโอ
- แก้ไขรูปภาพและวิดีโอ
- ตัดต่อความยาววิดีโอและปรับสโลว์โมชั่น
- แก้ไข Live Photos
- แก้ไขวิดีโอแบบภาพยนตร์
- แก้ไขรูปภาพในโหมดภาพถ่ายบุคคล
- ใช้อัลบั้มรูปภาพ
- แก้ไขและจัดระเบียบอัลบั้ม
- ฟิลเตอร์และเรียงรูปภาพและวิดีโอในอัลบั้ม
- ทำสำเนาและคัดลอกรูปภาพและวิดีโอ
- ผสานรูปภาพซ้ำ
- ค้นหาในแอปรูปภาพ
- ค้นหาและระบุผู้คนในแอปรูปภาพ
- เลือกหารูปภาพตามตำแหน่งที่ตั้ง
- แชร์รูปภาพและวิดีโอ
- แชร์วิดีโอแบบยาว
- ดูรูปภาพและวิดีโอที่แชร์กับคุณ
- ใช้ข้อความในภาพเพื่อโต้ตอบกับเนื้อหาในรูปภาพหรือวิดีโอ
- ใช้ค้นดูจากภาพเพื่อระบุวัตถุในรูปภาพของคุณ
- ยกสิ่งที่ถ่ายขึ้นจากพื้นหลังของรูปภาพ
- ดูความทรงจำ
- ปรับแต่งความทรงจำของคุณสำหรับคุณโดยเฉพาะ
- จัดการความทรงจำและรูปภาพแนะนำ
- นำเข้ารูปภาพและวิดีโอ
- พิมพ์รูปภาพ
- คำสั่งลัด
- เคล็ดลับ
-
- แชร์การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตของคุณ
- โทรออกและรับสายโทรศัพท์
- ใช้ iPad เป็นจอภาพที่สองสำหรับ Mac
- ใช้แป้นพิมพ์และเมาส์หรือแทร็คแพดบน Mac และ iPad ของคุณ
- ส่งต่องานระหว่างอุปกรณ์
- สตรีมวิดีโอ รูปภาพ และเสียงแบบไร้สายไปยัง Mac
- ตัด คัดลอก และวางระหว่าง iPad กับอุปกรณ์เครื่องอื่น
- เชื่อมต่อ iPad และคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยสาย
-
- ถ่ายโอนไฟล์ระหว่างอุปกรณ์
- ถ่ายโอนไฟล์โดยใช้อีเมล ข้อความ หรือ AirDrop
- อัปเดตไฟล์ให้ตรงกันอยู่เสมอโดยอัตโนมัติด้วย iCloud
- ถ่ายโอนไฟล์โดยใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก
- ใช้เซิร์ฟเวอร์ไฟล์เพื่อแชร์ไฟล์ระหว่าง iPad กับคอมพิวเตอร์ของคุณ
- แชร์ไฟล์กับบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบคลาวด์
- เชื่อมข้อมูลเนื้อหาหรือถ่ายโอนไฟล์โดยใช้ Finder หรือ iTunes
-
- เริ่มต้นด้วยคุณสมบัติการช่วยการเข้าถึง
-
-
- เปิดใช้แล้วฝึกหัดใช้ VoiceOver
- เปลี่ยนการตั้งค่า VoiceOver ของคุณ
- เรียนรู้คำสั่งนิ้ว VoiceOver
- สั่งงาน iPad เมื่อ VoiceOver เปิดอยู่
- ควบคุม VoiceOver โดยใช้ตัวหมุน
- ใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ
- เขียนด้วยนิ้วของคุณ
- ใช้ VoiceOver กับแป้นพิมพ์ภายนอกของ Apple
- ใช้เครื่องแสดงผลอักษรเบรลล์
- ป้อนอักษรเบรลล์ให้แสดงบนหน้าจอ
- กำหนดคำสั่งนิ้วและคำสั่งลัดแป้นพิมพ์เอง
- ใช้ VoiceOver กับอุปกรณ์ตัวชี้
- ใช้ VoiceOver สำหรับภาพและวิดีโอ
- ใช้ VoiceOver ในแอปต่างๆ
- ซูม
- อยู่เหนือข้อความ
- จอภาพและขนาดข้อความ
- การเคลื่อนไหว
- การอ่านเนื้อหา
- คำบรรยายเสียง
-
-
- ใช้การปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในตัว
- ทำให้ Apple ID ของคุณปลอดภัย
-
- ลงชื่อเข้าด้วยพาสคีย์
- ลงชื่อเข้าด้วย Apple
- ป้อนรหัสผ่านที่ปลอดภัยสูงโดยอัตโนมัติ
- เปลี่ยนรหัสผ่านที่ปลอดภัยต่ำหรือถูกลดหย่อนความปลอดภัย
- ดูรหัสผ่านและข้อมูลที่เกี่ยวข้องของคุณ
- แชร์พาสคีย์และรหัสผ่านอย่างปลอดภัยด้วย AirDrop
- ทำให้พาสคีย์และรหัสผ่านของคุณมีบนอุปกรณ์ทุกเครื่องของคุณ
- ป้อนรหัสการตรวจสอบยืนยันโดยอัตโนมัติ
- ลงชื่อเข้าด้วยความท้าทาย CAPTCHA ที่น้อยลงบน iPad
- จัดการการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยสำหรับ Apple ID ของคุณ
- ใช้รหัสความปลอดภัย
- สร้างและจัดการที่อยู่สำหรับซ่อนอีเมลของฉัน
- ปกป้องการท่องเว็บของคุณด้วย iCloud Private Relay
- ใช้ที่อยู่เครือข่ายส่วนตัว
- ใช้การปกป้องข้อมูลขั้นสูง
- โหมดล็อคดาวน์
-
- ข้อมูลด้านความปลอดภัยที่สำคัญ
- ข้อมูลด้านการดูแลที่สำคัญ
- ค้นหาแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซอฟต์แวร์และบริการ
- แถลงการณ์การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ FCC
- แถลงการณ์การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ ISED Canada
- Apple กับสิ่งแวดล้อม
- ข้อมูลเกี่ยวกับเลเซอร์คลาส 1
- ข้อมูลด้านการกำจัดและการรีไซเคิล
- การแก้ไข iPadOS โดยไม่ได้รับอนุญาต
- แถลงการณ์การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ ENERGY STAR
- ลิขสิทธิ์
จัดการการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยสำหรับ Apple ID ของคุณจาก iPad
การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าถึงบัญชี Apple ID ของคุณได้ แม้ว่าจะมีคนอื่นรู้รหัสผ่าน Apple ID ของคุณก็ตาม คุณสมบัติบางอย่างใน iOS, iPadOS และ macOS ต้องใช้การรักษาความปลอดภัยแบบการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย เมื่อการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยเปิดอยู่ เฉพาะคุณเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้โดยใช้อุปกรณ์ที่เชื่อถือแล้ว เมื่อคุณลงชื่อเข้าอุปกรณ์เครื่องใหม่เป็นครั้งแรก คุณจะต้องให้ข้อมูลสองส่วน ได้แก่ รหัสผ่าน Apple ID ของคุณและรหัสการตรวจสอบยืนยันหกหลักที่ส่งมายังเบอร์โทรศัพท์ของคุณหรือที่แสดงบนอุปกรณ์ที่เชื่อถือแล้วของคุณโดยอัตโนมัติ เมื่อป้อนรหัส คุณจะตรวจสอบยืนยันว่าคุณเชื่อถืออุปกรณ์เครื่องใหม่ การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยสำหรับ Apple ID มีใน iOS 9, iPadOS 13, OS X 10.11 ขึ้นไป
ถ้าคุณสร้าง Apple ID ใหม่บนอุปกรณ์ที่ใช้ iOS 13.4, iPadOS 13.4, macOS 10.15.4 ขึ้นไป บัญชีของคุณจะใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยโดยอัตโนมัติ ถ้าก่อนหน้านี้คุณสร้างบัญชี Apple ID โดยไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย คุณสามารถเปิดใช้การรักษาความปลอดภัยอีกชั้นของคุณสมบัตินี้ได้ตลอดเวลา
หมายเหตุ: บัญชีบางประเภทอาจไม่มีสิทธิ์ในการใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยจากการพิจารณาของ Apple การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยไม่ได้มีในทุกประเทศหรือภูมิภาค ดูบทความบริการช่วยเหลือของ Apple ความพร้อมใช้งานของการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยสำหรับ Apple ID
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทำงานของการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย ให้ดูที่บทความบริการช่วยเหลือของ Apple การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยสำหรับ Apple ID
เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย
ถ้าบัญชี Apple ID ของคุณไม่ได้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยอยู่แล้ว ให้ไปที่ การตั้งค่า
> [ชื่อของคุณ] > รหัสผ่านและความปลอดภัย
แตะ เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย แล้วแตะ ดำเนินการต่อ
ป้อนเบอร์โทรศัพท์ที่เชื่อถือแล้ว (ซึ่งเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่คุณต้องการรับรหัสการตรวจสอบยืนยันสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย)
คุณสามารถเลือกได้ว่าจะรับรหัสด้วยข้อความตัวอักษรหรือสายโทรศัพท์อัตโนมัติ
แตะ ถัดไป
ป้อนรหัสการตรวจสอบยืนยันที่ส่งมายังเบอร์โทรศัพท์ที่เชื่อถือแล้วของคุณ
ในการส่งหรือส่งรหัสการตรวจสอบยืนยันอีกครั้ง ให้แตะ “ไม่ได้รับรหัสการตรวจสอบยืนยันใช่หรือไม่”
ระบบจะไม่ขอให้คุณป้อนรหัสการตรวจสอบยืนยันบน iPad ของคุณอีก นอกเสียจากว่าคุณจะลงชื่อออกโดยสมบูรณ์ ลบข้อมูลทั้งหมดบน iPad ของคุณ หรือลงชื่อเข้าหน้าบัญชี Apple ID ของคุณในเว็บเบราว์เซอร์ หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID ของคุณเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย
หลังจากที่คุณเปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย คุณมีเวลาสองสัปดาห์ในการปิดใช้ หลังจากช่วงเวลานั้น คุณจะไม่สามารถปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยได้ ในการปิดใช้ ให้เปิดอีเมลยืนยันของคุณ แล้วคลิกลิงก์ที่จะนำคุณไปยังการตั้งค่าความปลอดภัยก่อนหน้า โปรดจำไว้ว่าการปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยจะทำให้บัญชีของคุณปลอดภัยน้อยลง และหมายความว่าคุณจะไม่สามารถใช้คุณสมบัติที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูงได้
หมายเหตุ: ถ้าคุณใช้การตรวจสอบยืนยันสองขั้นตอนและอัปเกรดเป็น iPadOS 13 ขึ้นไป บัญชีของคุณอาจถูกโยกย้ายไปใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย ดูบทความบริการช่วยเหลือของ Apple การตรวจสอบยืนยันสองขั้นตอนสำหรับ Apple ID
เพิ่มอุปกรณ์อีกเครื่องเป็นอุปกรณ์ที่เชื่อถือแล้ว
อุปกรณ์ที่เชื่อถือแล้วคืออุปกรณ์ที่สามารถใช้ตรวจสอบยืนยันข้อมูลประจำตัวของคุณได้โดยแสดงรหัสการตรวจสอบยืนยันจาก Apple เมื่อคุณลงชื่อเข้าบนอุปกรณ์หรือเบราว์เซอร์อื่น อุปกรณ์ที่เชื่อถือแล้วต้องตรงตามข้อกำหนดขั้นต่ำของระบบเหล่านี้: iOS 9, iPadOS 13 หรือ OS X 10.11
หลังจากที่คุณเปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยบนอุปกรณ์เครื่องหนึ่ง ให้ลงชื่อเข้าด้วย Apple ID เดียวกันบนอุปกรณ์อีกเครื่อง
เมื่อคุณถูกขอให้ป้อนรหัสการตรวจสอบยืนยันหกหลัก ให้ปฏิบัติตามวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้:
รับรหัสการตรวจสอบยืนยันบน iPad หรืออุปกรณ์ที่เชื่อถือแล้วเครื่องอื่นซึ่งมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต: มองหาการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์เครื่องดังกล่าว แล้วแตะหรือคลิก อนุญาต เพื่อให้แสดงรหัสบนอุปกรณ์เครื่องนั้น (อุปกรณ์ที่เชื่อถือแล้วคือ iPhone, iPad หรือ Mac ที่คุณได้เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยอยู่แล้วและที่คุณลงชื่อเข้าด้วย Apple ID ของคุณ)
รับรหัสการตรวจสอบยืนยันที่เบอร์โทรศัพท์ที่เชื่อถือแล้ว: ถ้าไม่มีอุปกรณ์ที่เชื่อถือแล้ว ให้แตะ “ไม่ได้รับรหัสการตรวจสอบยืนยันใช่หรือไม่” แล้วเลือกเบอร์โทรศัพท์
รับรหัสการตรวจสอบยืนยันบนอุปกรณ์ที่เชื่อถือแล้วที่ออฟไลน์อยู่: บน iPhone หรือ iPad ที่เชื่อถือแล้ว ให้ไปที่ การตั้งค่า > [ชื่อของคุณ] > รหัสผ่านและความปลอดภัย แล้วแตะ ขอรหัสตรวจสอบยืนยัน บน Mac ที่เชื่อถือแล้ว ให้ปฏิบัติตามวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้:
macOS Ventura: เลือกเมนู Apple
> การตั้งค่าระบบ แล้วคลิก [ชื่อของคุณ] ที่ด้านบนสุดของแถบด้านข้าง คลิก รหัสผ่านและความปลอดภัย ทางด้านขวา จากนั้นคลิก ขอรหัสตรวจสอบยืนยันmacOS 10.15 ถึง 12.5: เลือกเมนู Apple > การตั้งค่าระบบ > Apple ID > รหัสผ่านและความปลอดภัย แล้วคลิก ขอรหัสตรวจสอบยืนยัน
macOS 10.14 และเวอร์ชั่นก่อนหน้า: เลือกเมนู Apple > การตั้งค่าระบบ > iCloud > รายละเอียดบัญชี > ความปลอดภัย แล้วคลิก ขอรหัสตรวจสอบยืนยัน
ป้อนรหัสการตรวจสอบยืนยันบนอุปกรณ์เครื่องใหม่
ระบบจะไม่ขอให้คุณป้อนรหัสการตรวจสอบยืนยันอีกครั้ง นอกเสียจากว่าคุณจะลงชื่อออกโดยสมบูรณ์ หรือลบข้อมูลทั้งหมดบนอุปกรณ์ของคุณ ลงชื่อเข้าหน้าบัญชี Apple ID ของคุณในเว็บเบราว์เซอร์หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID ของคุณเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย
เพิ่มหรือเอาเบอร์โทรศัพท์ที่เชื่อถือแล้วออก
เมื่อคุณลงทะเบียนการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย คุณจะต้องตรวจสอบยืนยันเบอร์โทรศัพท์ที่เชื่อถือแล้วหนึ่งเบอร์ คุณควรพิจารณาเพิ่มเบอร์โทรศัพท์อื่นๆ ที่คุณสามารถเข้าถึงได้เช่นกัน เช่น เบอร์โทรศัพท์บ้าน หรือเบอร์โทรศัพท์ที่สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทใช้
ไปที่ การตั้งค่า
> [ชื่อของคุณ] > รหัสผ่านและความปลอดภัย
แตะ แก้ไข (ด้านบนรายการเบอร์โทรศัพท์ที่เชื่อถือแล้ว) แล้วปฏิบัติตามวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้:
เพิ่มเบอร์โทรศัพท์: แตะ เพิ่มเบอร์โทรศัพท์ที่เชื่อถือแล้ว
เอาเบอร์โทรศัพท์ออก: แตะ
ที่อยู่ถัดจากเบอร์โทรศัพท์
เบอร์โทรศัพท์ที่เชื่อถือแล้วจะไม่รับรหัสการตรวจสอบยืนยันโดยอัตโนมัติ ถ้าคุณไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ใดๆ ที่เชื่อถือแล้วได้ในขณะที่ตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยสำหรับอุปกรณ์เครื่องใหม่ ให้แตะ “ไม่ได้รับรหัสการตรวจสอบยืนยันใช่หรือไม่” บนอุปกรณ์เครื่องใหม่ จากนั้นเลือกเบอร์โทรศัพท์ที่เชื่อถือแล้วของคุณเพื่อรับรหัสการตรวจสอบยืนยัน
ดูหรือเอาอุปกรณ์ที่เชื่อถือแล้วออก
ไปที่ การตั้งค่า
> [ชื่อของคุณ]
รายการอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Apple ID ของคุณจะแสดงใกล้ด้านล่างสุดของหน้าจอ
ในการดูว่าอุปกรณ์ที่อยู่ในรายการเป็นอุปกรณ์ที่เชื่อถือแล้วหรือไม่ ให้แตะที่อุปกรณ์ จากนั้นมองหาข้อความ “อุปกรณ์นี้ได้รับการเชื่อถือแล้วและสามารถรับรหัสการตรวจสอบยืนยัน Apple ID ได้”
ในการเอาอุปกรณ์ออก ให้แตะที่อุปกรณ์ จากนั้นแตะ เอาออกจากบัญชี
การเอาอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ออกทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่สามารถแสดงรหัสการตรวจสอบยืนยันได้อีกต่อไป และการเข้าถึง iCloud (และบริการอื่นๆ ของ Apple บนอุปกรณ์) จะถูกปิดกั้นจนกว่าคุณจะลงชื่อเข้าอีกครั้งด้วยการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย
สร้างรหัสผ่านสำหรับแอปที่ลงชื่อเข้าบัญชี Apple ID ของคุณ
ด้วยการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย คุณจะต้องใช้รหัสผ่านเฉพาะแอปเพื่อลงชื่อเข้าบัญชี Apple ID จากแอปหรือบริการของบริษัทอื่น เช่น แอปสำหรับอีเมล รายชื่อ หรือปฏิทิน หลังจากที่คุณสร้างรหัสผ่านเฉพาะแอปแล้ว ให้ใช้รหัสผ่านดังกล่าวเพื่อลงชื่อเข้าบัญชี Apple ID จากแอป และเข้าถึงข้อมูลที่คุณจัดเก็บไว้บน iCloud
ลงชื่อเข้าบัญชี Apple ID ของคุณ
แตะ รหัสผ่านเฉพาะแอป แล้วแตะ “สร้างรหัสผ่านเฉพาะแอป”
ทำตามขั้นตอนบนหน้าจอ
หลังจากที่คุณสร้างรหัสผ่านเฉพาะแอปแล้ว ให้ป้อนหรือวางรหัสผ่านลงในช่องรหัสผ่านของแอปตามปกติ
โปรดดูที่บทความบริการช่วยเหลือของ Apple การใช้รหัสผ่านเฉพาะแอป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม